
พ.ศ. 2495 กรมศิลปากรได้ปรับปรุงละครพันทางเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา นำออกแสดงให้ประชาชนชม ตอนหนึ่งของเนื้อเรื่องกล่าวถึงพิธีอภิเษกสมิงพระรามกับพระราชธิดาพระเจ้าอังวะ จึงพิจารณาแทรกระบำขึ้นโดยมอบให้นายมนตรี ตราโมท เป็นผู้แต่งบทร้องและทำนองเพลงขึ้น และตั้งชื่อว่า “ม่านมงคล”
ฟ้อนม่านมงคล เป็นการฟ้อนที่มีลีลาอ่อนช้อยสวยงาม ซึ่งสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา บางคนสงสัยว่าเป็นของพม่า เพราะเรียกว่า ฟ้อนม่าน แต่ฟ้อนม่านมงคลนี้น่าจะเป็นของไทย สังเกตได้จากท่ารำที่อ่อนช้อยงดงาม มีเพียงท่ารำในตอนต้นเท่านั้นที่ดัดแปลงมาจากของพม่า หากเป็นการฟ้อนรำของพม่า จะมีลีลาและจังหวะในการฟ้อนรำที่รวดเร็วและเร่งเร้ากว่าของไทย น่าจะเป็นไปได้ที่ไทยประดิษฐ์ท่ารำขึ้น โดยอาศัยท่ารำของภาคเหนือ และมีท่ารำของภาคกลางปนด้วย โดยอาศัยเค้าโครงเรื่องราชาธิราช ซึ่งเป็นตำนานพงศาวดารที่มีมาดังนี้
เนื้อเรื่องกล่าวถึงพวกมอญ (พม่า) แบ่งเป็น 2 พวก คือ กรุงหงสาวดี กับกรุงรัตนบุระอังวะ ซึ่งทั้งสองเมืองจะรบกันอยู่เสมอ กรุงหงสาวดีมีทหารเอก คือ สมิงพระราม ซึ่งเก่งในทางรบ คราวหนึ่งทางฝ่ายกรุงหงสาวดีแพ้ สมิงพระรามถูกจับเป็นเชลยขังไว้ ณ กรุงอังวะ เมื่อพระเจ้ากรุงจีนยกทัพมาประชิดอังวะ ทำให้พระเจ้ากรุงอังวะต้องส่งทหารเอกมาต่อสู้กับกามนี ทหารเอกของพระเจ้ากรุงจีน โดยตกลงว่า หากอังวะแพ้จะเอาเป็นเมืองขึ้น ถ้าอังวะชนะจะยกทัพกลับไป พระเจ้ากรุงอังวะจึงได้ออกประกาศหาตัวผู้สมัครออกไปต่อสู้กับกามนีทหารเอกเมืองกรุงจีน ประกาศผ่านที่คุมขังของสมิงพระราม สมิงพระรามจึงคิดรับอาสาเพื่อต้องการให้ตนเองพ้นจากการคุมขังและเป็นการป้องกันกรุงหงสาวดี เพราะหงสาวดีอยู่ทางใต้ของกรุงอังวะ หากพระเจ้ากรุงจีนตีอังวะก็จะต้องยกทัพเลยไปถึงกรุงหงสาวดี ถึงอย่างไรอังวะก็เป็นเมืองมอญเหมือนกัน
สมิงพระรามจึงออกต่อสู้กับกามนี และได้ชัยชนะ ฆ่ากามนีตาย ตามสัญญาของพระเจ้ากรุงอังวะจะยกเมืองให้ครึ่งหนึ่ง และยกพระราชธิดาให้เป็นมเหสี สมิงพระรามขอสัญญาอีกข้อหนึ่งว่าห้ามไม่ให้เรียกตนว่าคนขี้คุกหรือเชลย พระเจ้ากรุงอังวะตกลง จึงจัดการอภิเษกขึ้น งานนี้จึงมีการฟ้อนม่านมลคลเป็นการสมโภช
เพลงฟ้อนม่านมงคลนี้ มีผู้นำทำนองเพลงฟ้อนม่านมงคลไปใส่เนื้อร้องเป็ฯแบบเพลงไทยสากล ได้รับความนิยมแพร่หลายมาก จนครูมนตรี ตราโมท ได้รับรางวัลเสาอากาศทองคำในฐานะผู้แต่งทำนองเพลง
การแต่งกาย
เป็นแบบพม่า นุ่งผ้าซิ่นกรอมเท้า ใส่เสื้อเอวสั้น ริมเสื้อโครงในมีลวดอ่อนงอนขึ้นจากเอวเล็กน้อย เสื้อแขนยาวถึงข้อมือ มีแพรคล้องคอ ทิ้งชายลงมาถึงเข่า เกล้าผมทัดดอกไม้ มีอุบะห้อยมาทางด้านซ้าย
โอกาสที่แสดง
ใช้แสดงในงานสมโภช งานต้อนรับ และโอกาสเบ็ดเตล็ดต่างๆ
บทร้องเพลงม่านมงคล
ปวงข้าเจ้าเหล่าราชนาฏกร ขอฝ่ายฟ้อนระบำบรรพ์ด้วยหรรษา
สมโภชองค์อุปราชราชธิดา ในมหาพิธีดิถีชัย
ด้วยเดชะบารมีบดีศูรย์ อันไพบูลย์พูนพิพัฒน์นิรัติศัย
จึงอุบัติอุปราชชาติชาญชัย อรไทพระธิดาศรีธานี
ขอคุณพระพุทธเจ้า จุ่งมาปกเกล้าเกศี
พระธรรมเลิศล้ำธาตรี พระสงฆ์ทรงศรีวิสุทธิญาณ
ขอโปรดประสาท อุปราชธิบดี
พระราชบุตรี วรนาฏนงคราญ
ทรงสบสุขศรี ฤดีสำราญ
ระรื่นชื่นบาน วรกายสกนธ์
พวกเหล่าพาลา ไม่กล้าผจญ
ต่างหวั่นพรั่นตน เกรงพระบารมี
ประสงค์สิ่งใด เสร็จได้ดังฤดี
สถิตเด่นเป็นศรี อังวะนครา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น